จากบทความที่แล้ว เรื่อง 5 วิธีเตรียมความพร้อมเมื่อลูกเข้าอนุบาลครั้งแรก ครูแหม่มได้แนะนำเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการปรับตัว เมื่อลูกน้อยไปโรงเรียนวันแรกว่าควรเตรียมตัวอย่างไรไปแล้ว มาในบทความนี้ ครูแหม่มจะพูดถึง การฝึกทักษะ 4 ด้านหลัก ๆ คือ ร่างกาย (การขีดเขียน) อารมณ์(การฟัง) สังคม(การพูด) สติปัญญา(การอ่าน ฟัง พูด ขีดเขียน) ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานในการเตรียมความพร้อมง่าย ๆ ที่จำเป็นสำหรับเด็ก ๆ ก่อนเข้าเรียน เพราะในปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลก็ไม่ได้เข้าไปเรียนกันได้ง่าย ๆ นะคะ แล้วในช่วงต้นปีในเดือนมกราคม-มีนาคม ผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก ๆ คงจะเตรียมหาโรงเรียนดี ๆ ให้เด็ก ๆ กันแล้ว ผู้ปกครองบางคนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของเด็ก ๆ ก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล รวมทั้งมีความสงสัยว่าเด็ก ๆ เค้ามีความพร้อมในทักษะพื้นฐานมากน้อยเพียงใด เพราะโรงเรียนอนุบาลหลาย ๆ แห่ง มีการเทสหรือให้เด็กทำแบบทดสอบก่อนรับเด็กเข้าเรียน และเพื่อไม่ให้เด็กพลาดกับโรงเรียนดี ๆ ที่มองไว้ เราควรเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ ผู้ปกครองสามารถเตรียมความพร้อมลูกได้ตั้งแต่ อายุ 1 ปี 6 เดือน ถามว่าเร็วไปมั้ย ไม่เลยค่ะ เพราะเด็กในวัยนี้สนใจที่จะเรียนรู้กับสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเค้าอยู่แล้ว เพียงเราหากิจกรรมง่าย ๆ ให้เหมาะสมกับศักยภาพของเด็กเหมือนเป็นการทดสอบความสามารถด้านการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการ และความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ นะคะ ค่อย ๆ สอนให้เด็กเรียนรู้ กว่าจะถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนเด็ก ๆ ก็จะมีความพร้อมไปโดยอัตโนมัติ

เด็กกำลังใช้สีเทียนสีเขียวระบายลงบนกระดาษ
น้องอะเดย์กำลังระบายสีใบงานอย่างตั้งใจ

ทำไมต้องทดสอบเด็กก่อนวัยเรียน

เหตุผลที่ต้องมีการเทสหรือทดสอบเด็กในการเข้าโรงเรียนอนุบาลนั้น เป็นเพราะความต้องการของผู้ปกครอง ที่อยากให้บุตร-หลานมาเข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีตามที่ผู้ปกครองคาดหวังไว้ มีมากเกินกว่าที่ทางโรงเรียนจะรับได้ จึงต้องมีการคัดเลือกเด็กที่มีความพร้อมจริง ๆ จากที่ครูแหม่มเคยสนทนาพูดคุยกับผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน ว่าการเลือกโรงเรียนให้เด็ก ๆ นั้น ผู้ปกครองสนใจโรงเรียนแบบไหน ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะสนใจเลือกโรงเรียนที่

1. เป็นโรงเรียนที่ผู้ปกครองเคยจบหรือเรียนโรงเรียนนั้นมา ผู้ปกครองที่จะส่งลูกเข้าเรียนก็จะต้องเป็นผู้มีอุปการะคุณ ช่วยเหลือเกื้อกูลให้กับทางโรงเรียนที่เคยเรียนมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง (กี่ปีก็แล้วแต่ข้อกำหนดของโรงเรียนนั้น ๆ ) บางท่านถึงกับจองไว้ให้ลูกตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์เลยก็มีค่ะ (ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง)

2. โรงเรียนที่มีนวัตกรรมที่โดดเด่นดึงดูดความสนใจ

3. โรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน ไปรับ-ส่งสะดวก

4. โรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมและระบบความปลอดภัยที่ดี

5. โรงเรียนคาทอลิก สาธิต สองภาษา วิชาการเด่น สังคมกว้าง คอนเนคชั่นใหญ่

จากประสบการณ์ตรงของครูแหม่ม บางโรงเรียนเปิดรับเด็กต่อห้องได้ไม่เกิน 27-30 คน และในโรงเรียนอนุบาลขนาดกลางอาจมีห้องเรียนเพียง 3 ห้องเรียนต่อระดับชั้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นครูแหม่มแนะนำให้ผู้ปกครองเตรียมเด็กให้พร้อมที่สุดเท่าที่เด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะอย่างน้อย ๆ เด็ก ๆ จะได้มีพื้นฐานที่ดี สามารถเข้าไปเริ่มต้นชีวิตในโรงเรียนได้อย่างราบรื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยัดเยียดความเป็นวิชาการให้เด็ก ๆ มากเกินไป

ผู้ปกครองกำลังสอนเด็กอ่านบัตรคำพยัญชนะไทยตัว ฑ
ผู้ปกครองกำลังสอนเด็กอ่านบัตรคำพยัญชนะไทย ก-ฮ

โดยใน 1 วัน ผู้ปกครองอาจชวนเด็ก ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะต่าง ๆ ประมาณ 10-15 นาที ผ่านกิจกรรมฝึกทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฝึกทักษะ เกมการศึกษา กิจกรรมฝึกทักษะการฟัง กิจกรรมฝึกทักษะการคิด กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน รวมถึง กิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมือ อย่างการให้เด็ก ๆ ลากเส้นหรือวาดภาพตามจินตนาการ

ผู้ปกครองคอยให้กำลังใจเด็กขณะต่อเลโก้
ผู้ปกครองคอยให้กำลังใจเด็กขณะต่อเลโก้

ทั้งนี้ ผู้ปกครองต้องจัดกิจกรรมฝึกทักษะต่าง ๆ ที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของเด็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการ และความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เด็กบางคนมีความถนัดเกี่ยวกับการจดจำพยัญชนะ แต่ไม่คล่องเรื่องตัวเลข ในขณะที่บางคนสามารถสื่อสารความคิดและความต้องการได้ดี แต่มีปัญหาในเรื่องอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่ากดดันและคาดหวังในตัวเด็ก ๆ สูงจนเกินไป ไม่ว่าจะในฐานะผู้ปกครองหรือเป็นผู้ดูแลเด็กก็ตาม การประเมินหรือทดสอบเด็กของโรงเรียนอนุบาลต่าง ๆ จัดขึ้นเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของประสบการณ์การเรียนรู้ในช่วงต้น ที่มีต่อทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ๆ รวมถึงการปรับตัวเข้าไปอยู่ในสังคมของโรงเรียน การประเมินเด็กก่อนวัยเรียนจึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์มากมาย ดังนั้นเด็กเล็กทุกคนควรจะได้รับการประเมิน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ มีพัฒนาการตามวัยอย่างเหมาะสม

สิ่งที่เด็กควรเรียนรู้ก่อนเข้าอนุบาล

ผู้ปกครองสามารถช่วยเด็ก ๆ เตรียมตัวเข้าโรงเรียนได้ด้วยการปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ และความอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเตรียมความพร้อมลูก ในการเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล ครูแหม่มขอแนะนำในบทบาทความเป็นผู้ปกครองซึ่งเคยผ่านประสบการณ์ในการเตรียมลูกก่อนเข้าโรงเรียน และใช้ได้ผลดีมาแล้ว ทักษะเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้านไม่ต้องส่งเด็ก ๆ ไปติวที่ไหนเลยค่ะ สิ่งที่ผู้ปกครองต้องเตรียมก็คือเวลาสัก 10-15 นาที ค่อย ๆ เรียนรู้ไปกับเด็ก ๆ ตามทักษะพื้นฐานดังนี้

ทักษะด้านร่างกาย ได้แก่
  • การหยิบจับดินสอ สี หรือวัตถุอื่น ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว
  • การต่อบล็อคไม้ได้อย่างน้อย 4 ชั้น
  • เดิน ลุกนั่ง ยืน ทรงตัวได้ดี
  • โยนรับลูกบอลขนาดใหญ่ได้
  • เดินถอยหลัง
  • เตะลูกบอลเป็นเส้นตรง
เด็กกำลังต่อบล็อคสีเหลืองขึ้นเป็นชั้น ๆ
น้องอะเดย์กำลังเล่นต่อบล็อค ช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อมือมัดเล็กให้แข็งแรงและช่วยการประสานสัมพันธ์มือและตา
ทักษะทางภาษาหรือการสื่อสาร ได้แก่
  • เด็กสามารถบอกชื่อเล่น หรือชื่อจริง-นามสกุล อายุของตัวเองได้
  • บอกชื่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของตนเองได้อย่างน้อย 5 ส่วน
  • รู้จักกล่าวคำ สวัสดี ขอบคุณ
ทักษะด้านสังคม-อารมณ์ ได้แก่
  • เด็กมีการแสดงออกด้วยความร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส
  • ให้ความร่วมมือและทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามคำสั่งในเวลาสั้น ๆ ได้
  • ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างสมวัย
เด็ก ๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน
น้องแอลล์และน้องอะเดย์กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ทักษะด้านสติปัญญา
  • รู้จักสังเกต จำแนก เปรียบเทียบ จำนวนและมิติสัมพันธ์ได้สมวัย
  • สามารถดูรูปภาพ สัญลักษณ์ และบอกชื่อได้ หรือบอกชื่อพยัญชนะไทยและอังกฤษได้บ้างบางตัว
  • การจำแนกและแยกแยะวัตถุตามตัวแปรต่าง ๆ เช่น รูปร่าง สี ขนาด ฯลฯ
  • การต่อภาพจิ๊กซอว์อย่างน้อย 4 ชิ้น
  • สามารถวาดเส้นตรง กากบาท สี่เหลี่ยมและวงกลมได้
  • สามารถวาดอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างน้อย 5 ส่วน
เด็กกำลังต่อจิ๊กซอว์รูปฮิปโป
น้องอะเดย์กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์ ช่วยฝึกทักษะด้านสติปัญญา

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมด้านทักษะให้กับเด็ก ๆ แต่สิ่งที่สำคัญและมีเกี่ยวข้องโดยตรงกับพัฒนาการของเด็ก ก็คือ ช่วงอายุ ซึ่งถ้าหากผู้ปกครองมีความกังวลและสงสัยว่าลูกของเรามีพัฒนาการตามเกณฑ์อายุหรือไม่ ผู้ปกครองสามารถประเมินเด็ก ๆ โดยใช้ เกณฑ์การประเมินของกระทรวงศึกษาธิการ ได้ค่ะ

เด็ก ๆ กำลังทำกิจกรรมฉีก ตัด ปะ
น้องแอลล์และน้องอะเดย์กำลังทำกิจกรรมฉีก ตัด ปะ อย่างตั้งใจ

การส่งเสริมหรือเตรียมความพร้อมทักษะทั้ง 4 ด้านของเด็ก ตามที่ครูแหม่มแนะนำนี้ จะช่วยให้ผู้ปกครองรู้ว่าเด็กรู้อะไรบ้าง และต้องส่งเสริมด้านไหนบ้างก่อนเข้าโรงเรียน เมื่อเด็ก ๆ เริ่มเข้าโรงเรียน พวกเขาจะมีรากฐานที่ดี มีทักษะการเรียนรู้ที่พร้อมในการเรียนที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต


เอกสารอ้างอิง : หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จัดพิมพ์โดย สำนักวิชาการและมาตราฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ดาวน์โหลด
1 รายการ